ปรับตัวเพื่อไปต่อ ?! เทคนิคการบริหารคนยุคดิจิทัล ที่ HR ต้องรู้ 👀

              ในยุคที่ลักษณะของคนทำงานที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งวิธีการคิด การวางแผน Career ที่แตกต่างกันออกไป มีกลุ่มคนที่ไม่ต้องการทำงานเต็มเวลาหรือต้องการเป็นพนักงานประจำ หรือขอลดเวลาการทำงานลง เช่น ทำงาน 3 วัน/สัปดาห์ หรือขอเปลี่ยนรูปแบบของการได้รับผลตอบแทน ซึ่งในทางกลับกันบริษัทเองก็ไม่ได้จ้างงานตามตำแหน่ง แต่เป็นการจ้างตามความต้องการจริง ช่วยให้บริหารต้นทุนได้ดีมากยิ่งขึ้น เช่น จะจ้างมาดูแล Project ที่มีอายุ 1 ปี ซึ่งก็จะต้องการเพียงแค่ Freelancer ที่มีทักษะการบริหารโครงการที่ดี เข้ามาช่วยดูแล และเมื่อจบ Project ก็จ่ายค่าตอบแทนก็จบงาน นี่คืออีกสิ่งที่บริษัทเริ่มมองมากขึ้น 

              จะเห็นได้ว่า จะมีตำแหน่งงานประเภทของ Part time, Contractor, Freelancer, Consultant เกิดมากขึ้นในปัจจุบัน และคนก็หันไปเป็นแบบนั้นมากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อก่อนกลุ่มคนประเภทนี้น้อย เพราะคนจะรู้สึกถึงความไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน แต่ปัจจุบันความกลัวเหล่านั้นลดน้อยลงมาก เพราะผู้คนรู้จักวิธีการหางานและช่องทางการทำงานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และรู้จักวิธีการทำที่ทำให้ตนเป็นที่ต้องการของบริษัทได้อย่างไร

การเตรียมตัวสำหรับ Future of work จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ โดย framework นี้สร้างจากพื้นฐานที่ให้คนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งการให้คนเป็นศูนย์กลางเราต้องมั่นใจว่า  

🔵 องค์กร Engage กับพนักงานมากพอที่จะรู้ว่าพนักงานต้องการอะไร  

🔵 ออกแบบรูปแบบการทำงานจากลักษณะของพนักงานในองค์กร

🔵 สื่อสารกับพนักงานล่วงหน้าให้ได้เร็วที่สุด พนักงานจะได้ไม่เกิดผลกระทบเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง

🟠🟡🟢

                  Re-imagine work ทุกคนต้องมีแผนพัฒนาตนเองตามรูปแบบของ Organization ที่กำลังจะไป หลายครั้งที่บอกว่า Organization จะเปลี่ยนไป ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อหน้าที่การทำงานและลักษณะงานที่ทำ ซึ่งบริษัทต้องทำอย่างให้พนักงานมีความพร้อมที่ก้าวไปกับบริษัท สิ่งสำคัญ คือ พนักงานจะต้องมีแผน ออกแบบรูปแบบการทำงานของตนเองด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น เพราะพนักงานจะรู้ว่ากำลังทำ หรือพัฒนาตนเองเพื่ออะไร มีการเริ่มทำ Future Fit Plan และทำการ Matching สิ่งที่ต้องการกับหน้าที่การงานที่บริษัทมี เมื่อพนักงานรู้แล้วว่าปัจจุบันอยู่ตรงไหน และปลายทางคืออะไร เราจะมองเห็นช่องว่างหรือสิ่งที่ขาด ฉะนั้นพนักงานก็จะต้องคิดต่อว่า จะอย่างไรเพื่อปิดช่องว่างเหล่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นการเทรนที่มากขึ้น หรือการทำโปรเจกต์บางอย่าง เพื่อให้ได้ความรู้ ความเข้าใจ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องให้ความสำคัญกับทักษะที่จำเป็นในอนาคตและต้องแน่ใจว่าทุกคนจะมีสิ่งนี้ไปพร้อมกัน  

                  รูปแบบการจ้างนั้นทำแบบเดิมไม่ได้แล้ว บริษัทจ้าง 1 คนมาเป็นประจำและหวังให้เขาอยู่จนเกษียณนั้นไม่ได้แล้ว เพราะพนักงานไม่ได้ต้องการแบบนั้น ขณะเดียวกันบริษัทก็ไม่ได้ต้องการพนักงานที่จะอยู่กับบริษัทจนถึงเกษียณเหมือนกัน แค่ต้องการเขาสำหรับงานบางอย่างในเฉพาะช่วงเวลาเท่านั้น การที่จะต้องมี New Employment Model หรือ รูปแบบการจ้างใหม่ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อบริษัทจะสามารถแน่ใจว่ามี Model สำหรับพนักงานทุกๆ ประเภท ออฟฟิศยังคงเป็นสถานที่จำเป็น แต่บทบาทจะเปลี่ยนไป คนมาออฟฟิศไม่ได้มาเพื่อนั่งทำงานอีกแล้ว แต่ต้องการการที่จะได้ติดต่อกับเพื่อนร่วมงาน เพราะฉะนั้นเขาต้องการพื้นที่การประชุม หรือขณะเดียวกันเขาต้องการความรู้สึกที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทอยู่ ออฟฟิศจะทำหน้าที่ในการเป็นสถานที่ที่เชื่อมทุกคนเข้าหากัน และยังทำให้ทุกคนรู้สึกว่ายังเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท   

                   เมื่อออฟฟิศเปลี่ยน เทคโนโลยีต้องเปลี่ยนด้วย เพราะการที่จะเป็น Hybrid ให้ได้ต้องไม่รู้สึกว่าเทคโนโลยีคืออุปสรรค และอีกหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เมื่อพนักงานมี Mindset ที่ถูกต้องกับการทำงานแบบ Hybrid เขาจะหาวิธีการเอง หาก Facility ไม่เพียงพอที่ออฟฟิศ ก็จะเกิดการทำงานแบบ Agile Working มากขึ้น เพราะฉะนั้นการที่จะทำให้ Hybrid working ประสบผลสำเร็จ ไม่ใช่แค่เพราะ Facility หรือแค่เพราะเทคโนโลยี ต้องรวมไปถึง Mindset ของการทำงานด้วย  

🟠🟡🟢

เพื่อให้บริษัทตอบโจทย์โลกการทำงานอนาคต อาจแบ่งเป็น Framework ออกเป็น 3 ประเภทหลักดังนี้

👤 Talent Development 

• Future Fit Plan ให้พนักงานตั้งเป้าหมายสอดคล้องกับทิศทางขององค์กร เพื่อพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน 

• Upskilling พัฒนาทักษะจำเป็นยุคดิจิทัล เช่น AI การคิดวิเคราะห์ การเล่าเรื่อง และการสื่อสารอย่างมีกลยุทธ์ 

• Talent Swap แลกเปลี่ยนพนักงานระหว่างองค์กร เพื่อเติมทักษะที่องค์กรไม่มี ช่วยแก้ปัญหาในโปรเจคต์ได้ 

🎯 Agile Workflows 

• Clear KPI Alignment กำหนดตัวชี้วัดที่สอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กร เพื่อให้ทีมโฟกัสไปตามเป้าหมายนั้น 

• Work Life Integration จัดสรรเวลาและออกแบบการทำงานอย่างลงตัว เพิ่มประสิทธิภาพงานและชีวิต 

• Growth Mindset Culture มีวัฒนธรรมภายในองค์กรที่ส่งเสริมการเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง 

🚀 Evolving Workplace 

• Psychological Safety สร้างบรรยากาศให้ปลอดภัย กล้าพูด กล้าเสนอความเห็น รับฟังกันโดยไม่ตัดสิน 

• Digital Workplace สร้างเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนการทำงานแบบ Hybrid ให้สามารถทำงานได้จากทุกที่ 

• Flexible Workspace พื้นที่ทำงานที่ปรับได้ตามความต้องการ เช่น co-working เพื่อระดมไอเดียระหว่างทีม 

📅 5-6 พฤศจิกายน 2567 SHAPE Strategic KPIs and Execute SMART Actions for Sustainable Transformation รายละเอียด 

📅 12-13 และ 19-20 พฤศจิกายน 2567 โปรแกรมพัฒนาศักยภาพผู้บริหารระดับกลาง รุ่น 20 

รายละเอียด 

📅 13-14 พฤศจิกายน 2567 Drive for Excellence : Human Capital Management รายละเอียด