โลกยุคใหม่ได้พัฒนาก้าวล้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ ลองมาดูแนวโน้มเทคโนโลยีในปีค.ศ. 2015 ซึ่งจะสร้างโอกาสที่ยิ่งใหญ่ตลอดจนสร้างความท้าทายใหม่ ๆ ให้แก่ทุกธุรกิจ ดังนี้
(1) Deep Learning ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์เริ่มมีความสามารถในด้านของ Deep learning โดยอาศัย โครงข่ายประสาท ซึ่งเลียนแบบจากระบบสมองของมนุษย์ ปลายปี 2014 นักวิจัยของบริษัทกูเกิ้ลได้เปิดตัวโครงการใหม่ที่ใช้โครงข่ายประสาทและ Deep learning เพื่อระบุองค์ประกอบต่างๆของฉากๆหนึ่งโดยปราศจากการช่วยเหลือของมนุษย์ ซอฟต์แวร์ของระบบดังกล่าวเรียนรู้วิธีการคิดโดยการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ยกตัวอย่าง เช่น Deep Learning จะช่วยให้หุ่นยนต์ต่าง ๆ สามารถจดจำวัตถุที่ไม่เคยเห็นมาก่อนพร้อมทั้งสามารถหาเส้นทางไปยังจุดหมายใหม่ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งในไม่ช้า Deep Learning จะถูกนำมาใช้เป็นประโยชน์ในอุตสาหกรรมการผลิต ยารักษาโรค ธุรกิจค้าปลีก กิจการด้านสาธารณูปโภค และ อื่นๆ
(2) Smart Virtual Personal Assistants หรือเรียกย่อๆว่า SPVA เป็นเทคโนโลยีที่เริ่มเข้าสู่ตลาดเมื่อปีค.ศ. 2013 ในเวลาดังกล่าว SPVA ใช้การ ประมวลผลแบบ semantic และ natural language และ การดึงข้อมูลจาก ตารางนัดหมาย จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และ รายชื่อผู้ติดต่อ รวมทั้ง พฤติกรรมของเราภายในไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น เพื่อคาดเดาความคิดของเราในอีกสิบวินาทีข้างหน้า แอปพลิเคชันที่เป็นเทคโนโลยีต้นแบบของ SPVA ถูกขายออกไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ Google ซื้อ แอปพลิเคชัน EMU , Yahoo ซื้อ Donna และ Cue ซื้อโดย Apple เมื่อตอนที่แอปพลิเคชัน EMU ยังไม่ถูกขาย แอปตัวนี้ ทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวแทนที่ชาญฉลาดของเลขาส่วนบุคคล โดยสามารถตรวจดูบทสนทนาและสามารถให้คำแนะนำได้ ตัวอย่างเช่น
ถ้าหากคุณชวนเพื่อนคุณไปชมภาพยนตร์ EMU จะดำเนินการตรวจ เช็คตำแหน่งของทั้งสองคนทันที และแนะนำโรงภาพยนตร์ที่อยู่ใกล้ พร้อมทั้งแสดงรายชื่อภาพยนตร์และเวลาฉาย
จากนั้นจะเช็คหาเวลาว่างในตารางนัดหมาย EMU ช่วยแม้กระทั่งแสดงตัวอย่างภาพยนตร์ให้ดูก่อน หลังจาก EMU ช่วยเราพิจารณาหารอบหนังที่เหมาะสมที่สุดแล้วก็จะช่วยเราต่อในขั้นตอนของการซื้อตั๋วชมภาพยนตร์พร้อมทั้งบันทึกข้อมูลต่างๆ ไว้ในตารางนัดหมายของเราผู้บริโภคจะเริ่มเห็นเทคโนโลยี SPVA ในโทรศัพท์มือถือของพวกเขา
ตัวอย่างเช่น Google ได้แอบปล่อยเทคโนโลยี SPVA ให้แก่ผู้ใช้งาน Android โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะคอยตรวจสอบว่า เมื่อไรก็ตามที่ผู้ใช้งาน จอดรถ ระบบจะบันทึกตำแหน่งของจุดจอดรถไว้ใน Google map และช่วยนำทางกลับมาที่รถเมื่อผู้ใช้งานต้องการใช้รถ ซึ่งทั้งหมดเป็นการทำงานแบบอัตโนมัติ นักการตลาด บริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิต ธนาคาร หน่วยงานราชการท้องถิ่น การหาเสียงทางการเมือง และอื่นๆ สามารถใช้เทคโนโลยี SPVA ทั้งในเรื่องการสื่อสารข้อมูลที่สำคัญ พร้อมทั้งศึกษาและทำความเข้าใจกับประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
(3) ธุรกิจที่ใช้แนวทางของ Uber แม้ว่าจะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับรูปแบบการทำธุรกิจของ Uber แต่ต้องถือได้ว่าปี ค.ศ . 2014 เป็นปีแห่งความสำเร็จของ Uber ด้วยมูลค่า 4 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐตามการตีมูลค่าของนักลงทุน ด้วย app ง่ายๆที่ช่วยเชื่อมโยงระหว่าง พนักงานขับรถและผู้โดยสารซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าหลายธุรกิจ การเติบโตของ Uber อย่างรวดเร็วนั้นเกิดจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้งานของผู้บริโภคอย่างรวดเร็วมาก และนั่นเป็นเพราะ Uber ทำสองสิ่งได้อย่างยอดเยี่ยม ประการแรกคือ Uber สร้างรายได้ให้แก่ผู้ว่างงาน สำหรับผู้ประกอบอาชีพขับรถ Uber เป็นวิธีการที่ง่ายและรวดเร็วสำหรับค้นหาผู้โดยสาร นอกจากนั้น Uber ยังเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ตกงาน โดยเสนอวิธีการหารายได้เมื่อการหางานอื่นๆทำ เป็นไปได้ยาก ประการที่สองคือ Uber จัดเตรียมระบบการชำระเงินค่าโดยสารที่สะดวกสบาย ผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องพกเงินสดหรือแม้แต่บัตรเครดิตเนื่องจากธุรกรรมการจ่ายค่าโดยสารทั้งหมดจะถูกจัดการผ่านหน้าจอแบบง่ายๆของโทรศัพท์มือถือ
ความสำเร็จของ Uber เป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ประกอบการนับหลายร้อยรายที่ต้องการเลียนแบบคุณลักษณะที่ดีเยี่ยมของ Uber ในปีค.ศ. 2015 เราคาดหวังที่จะเห็นธุรกิจสื่อกลางเฉกเช่นเดียวกับ Uber อีกมากมาย รวมทั้ง ธุรกิจส่งด่วนสินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจการโดยสาร เฮลิคอปเตอร์ ตู้ฝากถอนเงินแบบเคลื่อนที่ การส่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บริการนวดที่บ้าน บริการซักอบรีด บริการซ่อมแซมไอโฟน บริการช้อปปิ้งส่วนบุคคล บริการเกี่ยวกับกัญชาในฐานะยา บริการพาสุนัขเดินเล่น บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ถึงสถานที่ ในเวลาเดียวกันเพียงคลิกเดียว ผู้บริโภคสามารถทำธุรกรรมเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ หมายถึง โอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับการก่อตั้งร้านค้าขายปลีก บริษัทขนส่งสินค้า ธนาคาร และธุรกิจอื่นๆเพื่อใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดจากสิ่งที่กลายเป็นพฤติกรรมมาตรฐานของผู้บริโภค
(4) Oversight of algorithm : algorithm ในความหมายง่ายๆ คือ เป็นกลุ่มของกฎหรือกระบวนการที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ ในปีที่จะมาถึง เราจะเริ่มตั้งคำถามถึงจริยธรรมของการนำ algorithm มาใช้งาน และจะตรวจสอบอย่างละเอียดถึงแนวโน้มของ algorithm บางส่วนซึ่งทำงานไม่เป็นไปตามคาด ตัวอย่างเช่น โปรแกรมเมอร์ได้เพิ่มการตัดสินใจด้วยตนเองลงไปใน algorithm ต่างๆ และอนุญาตให้ algorithm เหล่านั้นสามารถส่งมอบคำตอบด้วย เหตุดังกล่าวส่งผลให้ algorithm ที่อยู่กับข้อมูลแบบ Big Data จัดประเภทของ วัตถุ ข้อมูล และแม้แต่คนผิดมากขึ้นเรื่อยๆ มีหลายกรณีที่ algorithm ระบุผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายที่สนามบินผิดพลาด algorithm ที่ใช้สำหรับการซื้อขายที่มีความถี่ในการใช้งานสูงเคยเกือบทำลายตลาดหุ้น ข้อผิดพลาดใน algorithm ของอเมซอน เคยทำให้ราคาหนังสือ The Making of a Fly: The Genetics of Animal Design พุ่งสูงลิ่ว ซึ่งทำให้เห็นว่าผู้บริหารควรจะอภิปรายพูดคุยเกี่ยวกับวิธีการเพิ่มระบบความรับผิดชอบสำหรับ algorithm ต่าง ๆ มากขึ้น
(5) Data Privacy การละเมิดที่เกิดอยู่อย่างต่อเนื่องยังคงบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ผลสำรวจโพลของ Pew Internet and Society ชาวอเมริกัน 91% เห็นด้วยหรือเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าผู้บริโภคกำลังสูญเสียการควบคุมในข้อมูลส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความกลัวที่จะมีมือที่สามเข้ามาเฝ้าดูการใช้โทรศัพท์มือถือหรือความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ ประชาชนเริ่มเป็นกังวลมากขึ้นในเรื่องความเป็นส่วนตัวและไม่ใช่ hackerที่เป็นที่เกรงกลัวแต่กลับเป็นธุรกิจต่างๆ ในปีค.ศ. 2015 ธุรกิจต้องไม่เพียงแค่จะต้องเข้ารหัสข้อมูลเท่านั้นแต่พวกเขายังต้องสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคในมาตรการต่างๆ ที่พวกเขานำมาใช้ในการดูแลความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค ซึ่งเราจะเห็นความต้องการเพิ่มขึ้นสำหรับสัญญาการให้ความยินยอมทางด้านดิจิทัล
(6) Block chain technology : Block chain เป็นฐานข้อมูลธุรกรรมที่ถูกใช้งานร่วมกันสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับระบบ Bitcoin เราสามารถมอง block chain ว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของระบบฉันทามติแบบกระจายซึ่งไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดสามารถควบคุมข้อมูลทั้งหมดได้ แม้ว่า bitcoin โดยตัวเองไม่ได้สร้างความสนใจ แต่เทคโนโลยี block chain ได้รับการคาดหวังไว้อย่างมหาศาล ตัวอย่างเช่น บางคนมีความเห็นว่า ระบบ block chain ควรจะช่วยป้องกันการละเมิดบัตรเครดิตเป็นจำนวนมากที่ปลายทาง บริษัท block stream เป็นบริษัทใหม่บริษัทหนึ่งที่วางแผนจะนำเทคโนโลยี block chain มาพัฒนาแพลตฟอร์มครอบจักรวาลที่สามารถใช้งานกับทุกสิ่งอย่างที่ต้องการลายเซ็นหรือระบบพิสูจน์ตัวตน ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนสามารถทำ Transaction แบบไม่ต้องอาศัยความเชื่อถือระหว่างผู้ซื้อและผู้ชายโดยผ่านทางหน่วยงานกลางต่างๆ
ทุกแนวโน้มทางด้านเทคโนโลยีเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับธุรกิจในอนาคต วิธีการที่ดีที่สุดในการเตรียมพร้อมคือ การเรียนรู้ให้มากที่สุด แลกเปลี่ยนความคิดกับผู้คนทั้งในและนอกองค์กร และนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาทดลองใช้งานเพื่อให้สามารถเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น
อ้างอิง : https://hbr.org/2015/01/the-tech-trends-you-cant-ignore-in-2015
ภาพจาก http://www.fultonscienceacademy.org/techfair/images/technology2.jpeg