สถานการณ์โลกในขณะนี้ นับว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนแทบไม่อาจกระพริบตา ภูมิภาคที่สถานการณ์การสู้รบ (battle) รุนแรงและถูกเฝ้ามองจากประเทศต่างๆ คือ ตะวันออกกลาง หรือกลุ่มประเทศที่ผลิตและส่งออกน้ำมันมากที่สุดในโลกนั่นเอง และนักวิเคราะห์หลายคนเริ่มตั้งข้อสังเกตว่าจะนำไปสู่การสู้รบระดับสงคราม (War) เช่นสองครั้งที่ผ่านมาหรือไม่
MOHAMMED MUKHASHAF เขียนบทความใน reuters.com เอาไว้ว่า ในปี 2015 ซาอุดิอารเบียได้ประกาศสนับสนุนด้านการทหารและอาวุธให้กับรัฐบาลลี้ภัยของเยเมนที่ถูกกองกำลังกบฎ มีนักรบฮูติซึ่งเป็นชนเผ่าทางตอนเหนือของเยเมนบุกยึดเมืองหลวง จนต้องหนีไปพึ่งซาอุดิอารเบีย ผ่านมาหลายเดือนต่างฝ่ายต่างประกาศชัยชนะในการทำลายอาวุธหนักและกำลังพลของอีกฝ่ายหนึ่ง และดูเหมือนว่ากลุ่มนักรบฮูติได้ทำลายรถถัง และสังหารผู้นำฝ่ายทหารของซาอุดิอาระเบียได้หลายนาย ซาอุดิอารเบียได้ส่งเครื่องบินรบถล่มจุดที่ตั้งของฝ่ายกบฎอย่างต่อเนื่อง และยังได้จ้างทหารจากซูดานเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย
เหตุการณ์ที่โลกตะลึงอีกหนึ่งนั่นคือ การประกาศสนับสนุนรัฐบาลของซีเรียเพื่อต่อสู้กับกองกำลัง ISIS หรือ ISIL หรือ DAESH ในภาษาอาหรับ หลังจากที่รัฐบาลซีเรียได้ต่อสู้กับกลุ่มกบฎ FSA และ ISIS มากว่า 4 ปี รัสเซียโดยประธานาธิบดีปูติน ได้ประกาศเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2558 สนับสนุนการปฏิบัติการโดยใช้เครื่องบินรบโจมตีกลุ่มกบฎ และประกาศ No Fly Zone ห้ามเครื่องบินของทุกประเทศบินผ่าน มิฉะนั้น รัสเซียจะถือว่าเป็นภัยคุกคามทั้งหมด เรียกว่า งานนี้กลุ่มประเทศ NATO ถึงกับตะลึงและแทบปรับแผนสำหรับประเทศนี้ไม่ทัน เนื่องจากที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาได้ประกาศว่า นายอัสซาด นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของซีเรีย เป็นผู้สังหารประชาชนอย่างผิดมนุษยธรรม และให้การสนับสนุนกลุ่ม FSA มาตลอด
นอกจากนี้ใน Financial Times.com ยังได้กล่าวถึง การปฏิบัติการของรัสเซียในซีเรียประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว สามารถทำลายกองกำลังฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลซีเรียและยึดเมืองสำคัญได้เป็นลำดับ โดยที่รัสเซียไม่ได้ประกาศการสนับสนุนโดยใช้ทหารราบ ดังนั้น การบุกยึดเมืองต่างๆ จึงเป็นหน้าที่ของกองทหารของซีเรีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านที่เป็นพันธมิตรเหนียวแน่นของรัสเซีย อิหร่านได้ส่งทหารราบเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย
ทั้งที่รัสเซียได้ประกาศเขต No Fly Zone ในระหว่างการปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนรัฐบาลของซีเรีย ในทางหนึ่งเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดกับกองทัพอากาศของประเทศอื่นโดยเฉพาะนาโต้ และเพื่อตัดการสนับสนุนกลุ่มดาอิซ เหตุการณ์เครื่องบินรบ F16 ของตุรกี (ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ดีของรัสเซียเมื่อปี 2014 ในการเตรียมการสร้างท่อแก๊สไปยุโรปแทนยูเครนที่มีปัญหากัน-ผู้เขียน) ยิงเครื่องบินลำเลียงซูคอย SU-24 ของรัสเซียขณะปฏิบัติการสนับสนุนในซีเรียหลังจากตุรกีอ้างว่าล่วงล้ำน่านฟ้าของตุรกีเป็นเวลา 17 วินาที และนักบินได้เตือนถึง 10 ครั้งแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบรับจากนักบินของรัสเซีย (ก่อนหน้านี้ เครื่องบินโดยสารของรัสเซียระเบิดที่อียิปต์ และการสอบสวนเบื้องต้นรวมทั้งการวิเคราะห์จากสหรัฐอเมริกา อ้างว่าเป็นการก่อการร้าย-ผู้เขียน)
ที่มา: http://www.reuters.com/article/us-yemen-security-sudan-idUSKCN0SC0E120151018
http://www.ft.com/cms/s/0/acd77496-91fc-11e5-bd82-c1fb87bef7af.html#axzz3vlUJFXvb