ESG เพื่อธุรกิจไทยก้าวหน้าและยั่งยืน ♻️
ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การบริหารธุรกิจให้ก้าวหน้าและยั่งยืนจำเป็นต้องรักษาสมดุลให้ครบถ้วนรอบด้านใน 4 มิติคือ มิติการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า (customer satisfaction) มิติการสร้างความพึงพอใจให้แก่ชุมชมสังคม (community satisfaction) มิติการสร้างความพึงพอใจให้แก่พนักงานภายในและผู้ถือหุ้น (corporate satisfaction) และสุดท้ายการแข่งขันอย่างยุติธรรมกับคู่แข่ง (competitive fairness) ธุรกิจทั่วโลกกำลังนำกรอบ ESG มาใช้เพื่อเพิ่มความยั่งยืนในระยะยาว เสริมสร้างชื่อเสียง และดึงดูดนักลงทุน สำหรับธุรกิจไทยโดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลักปฏิบัติหรือกรอบแนวทางตาม ESG (ESG – Environmental, Social, and Governance) ที่คำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม การช่วยเหลือสังคม และการกำกับดูแลกิจการแบบมีธรรมาภิบาลกำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและเปิดโอกาสในการลงทุนระดับโลก
ทำไม ESG ถึงสำคัญต่อธุรกิจไทย
ESG ไม่ใช่แค่กระแสแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของวิธีการดำเนินธุรกิจ บริษัทที่นำหลัก ESG มาใช้สามารถได้รับประโยชน์สำคัญ อาทิ
- เสริมสร้างชื่อเสียง – องค์กรที่มีแนวปฏิบัติ ESG ที่ดีจะได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค พนักงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- โอกาสในการลงทุน – นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับหุ้นที่ยั่งยืน ทำให้การปฏิบัติตาม ESG เป็นปัจจัยสำคัญในการได้รับเงินทุน
- การปฏิบัติตามกฎระเบียบ – รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลมีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ ESG มากขึ้น การปฏิบัติตามจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย
- การลดความเสี่ยง – การจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมล่วงหน้าสามารถลดความเสี่ยงทางกฎหมาย การเงิน และการดำเนินงานได้
- ความได้เปรียบทางการแข่งขัน – ธุรกิจที่ดำเนินการตามแนวทาง ESG สามารถสร้างความแตกต่างในตลาด ดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถ และรักษาความภักดีของลูกค้า
เพื่อให้การดำเนินการตามแนวทาง ESG มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ธุรกิจต้องมุ่งเน้นไปที่ 3 เสาหลักสำคัญ:
สิ่งแวดล้อม (Environmental – E): ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจไทย เนื่องจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ และการใช้ทรัพยากรที่มากขึ้น ประเด็นหลัก ได้แก่:
- การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์: ใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลงทุนในพลังงานหมุนเวียน
- การจัดการของเสีย: นำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ ส่งเสริมการรีไซเคิล และลดขยะพลาสติก
- การอนุรักษ์น้ำและพลังงาน: ใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่า และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
ตัวอย่าง: บริษัท ปตท. (PTT) ได้กำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutral) และลงทุนในพลังงานหมุนเวียนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สังคม (Social – S): เสริมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคม
ความรับผิดชอบต่อสังคมหมายถึงการปฏิบัติต่อพนักงาน ลูกค้า และชุมชนอย่างเป็นธรรม ธุรกิจควรมุ่งเน้นที่:
- สวัสดิการพนักงานและความหลากหลาย: ให้ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย และส่งเสริมความหลากหลายและการรวมกลุ่ม
- การมีส่วนร่วมของชุมชน: สนับสนุนการศึกษา การดูแลสุขภาพ และโครงการพัฒนาชุมชน
- ความเป็นอยู่ที่ดีของลูกค้า: รับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ การจัดหาวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรม และการตลาดที่โปร่งใส
ตัวอย่าง: บริษัท ไทยยูเนี่ยน (Thai Union Group) ผู้นำด้านอุตสาหกรรมอาหารทะโลก มีนโยบายแรงงานที่เข้มงวดเพื่อขจัดการบังคับใช้แรงงานและส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบที่เป็นธรรม
การกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance – G): สร้างความโปร่งใสและบริหารงานอย่างมีจริยธรรม
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจและสร้างความสำเร็จทางธุรกิจในระยะยาว บริษัทควรมุ่งเน้นที่:
- ความหลากหลายและอิสระของคณะกรรมการ: สนับสนุนผู้นำที่มีความหลากหลายและให้มีการกำกับดูแลที่เป็นอิสระ
- มาตรการป้องกันการทุจริต: กำหนดนโยบายที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการฉ้อโกง การติดสินบน และการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณ
- การปกป้องข้อมูลและความมั่นคงทางไซเบอร์: ป้องกันการละเมิดข้อมูลลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมปฏิบัติตามมาตรฐานสากล
ตัวอย่าง: ธนาคารกรุงเทพ (Bangkok Bank) มีนโยบายธรรมาภิบาลที่เข้มงวดเพื่อรับรองความโปร่งใสและปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการธนาคารสากล
🟢🔵🟢🔵🟢🔵
ขั้นตอนการนำ ESG ไปใช้ในธุรกิจไทย
สำหรับธุรกิจที่ต้องการบูรณาการ ESG อย่างมีประสิทธิภาพ ควรดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้:
1. ประเมินประสิทธิภาพ ESG ปัจจุบัน
- ดำเนินการตรวจสอบ ESG เพื่อประเมินแนวปฏิบัติปัจจุบันและหาจุดที่ต้องปรับปรุง
- ใช้ดัชนีวัด ESG เช่น ดัชนีการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์ฯ (THSI) เพื่อเปรียบเทียบกับผู้นำอุตสาหกรรม
2. กำหนดเป้าหมายและนโยบาย ESG ที่ชัดเจน
- กำหนดเป้าหมาย ESG ที่สามารถวัดผลได้และสอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กร
- พัฒนานโยบายภายในและจรรยาบรรณที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นต่อ ESG
3. มีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- ให้ความรู้แก่พนักงานและผู้บริหารเกี่ยวกับความสำคัญของ ESG ผ่านการฝึกอบรมและฝึกปฎิบัติ
- สื่อสารกับนักลงทุน ลูกค้า และซัพพลายเออร์ เพื่อให้ความคาดหวังและโครงการ ESG สอดคล้องกัน
4. ดำเนินโครงการ ESG
- ลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียว การปฏิบัติงานด้านแรงงานที่มีจริยธรรม และกรอบธรรมาภิบาลที่แข็งแกร่ง
- จัดตั้งโครงการด้านความยั่งยืน เช่น การลดของเสีย การชดเชยคาร์บอน และโครงการเพื่อสังคม
5. ติดตาม วัดผล และรายงานความคืบหน้า
- ติดตามผลการดำเนินงาน ESG อย่างสม่ำเสมอโดยใช้ตัวชี้วัดที่สำคัญ (KPI)
- เผยแพร่รายงานความยั่งยืนตามมาตรฐานสากล เช่น GRI หรือ SASB
องค์กรต่างๆสามารถประเมินระดับความสามารถด้าน ESG ด้วยเครื่องมือการประเมินตนเองแบบง่ายๆตามข้อคำถามพื้นฐานด้านละ 5 ข้อ (หรือใช้แบบ 10 ข้อที่มีความละเอียดมากขึ้น) รวม 3 ด้านเป็น 15 ข้อ (สามารถดูข้อคำถามได้จากบทความก่อนหน้านี้ 👉 “นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” ที่ผมเขียนไว้บนเว็บไซต์ของสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ) แบ่งระดับการให้คะแนนเป็น 1-5 โดย 1 หมายถึงน้อยที่สุด และ 5 หมายถึงมากที่สุด คะแนนที่ได้จะนำมาคำนวณเพื่อหาระดับการพัฒนา (Maturity level) ดังนี้
ตัวอย่างการคำนวณ
สมมติว่าคะแนนในแต่ละด้านของการประเมินเป็นดังนี้ ด้านสิ่งแวดล้อมเท่ากับ 38 ด้านสังคมเท่ากับ 42 และด้านการกำกับกิจการเท่ากับ 30 ระดับการพัฒนาแต่ละด้านหาได้จาก
- Environmental: (38/50)*100 = 76% → Level 3: Developing
- Social: (42/50)*100 = 84% → Level 4: Advanced
- Governance: (30/50)*100 = 60% → Level 3: Developing
โดยในภาพรวมขององค์กรมีค่าเท่ากับ ((38+42+30)/3) = 36.67
ระดับการพัฒนา (36.67/50) * 100 = 73.34 หรือ Overall ESG Maturity: Level 3: Developing
ด้วยแนวทางดังกล่าว ธุรกิจไทยที่นำ ESG มาใช้เชิงรุกจะมีความพร้อมสำหรับความสำเร็จในระยะยาว การผสานความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม ผลกระทบทางสังคม และธรรมาภิบาลที่แข็งแกร่งจะช่วยเพิ่มชื่อเสียง ดึงดูดนักลงทุน และสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนมากขึ้นในที่สุด