27 กันยายน 2024

รู้จัก Skill ที่เป็นภูมิคุ้มกันของพนักงาน ป้องกัน Disruption ถูกรุกรานเรื่องอะไรก็ไม่หวั่น!  

  

Future Ready Organization   

          🚀 High Performing Organization และสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ผ่านกลไกในเรื่อง Agility และ Empowerment  

          🚀HR เป็น Tops of mind ให้กับ Workforce ทั้งคนในองค์กรและคนนอกองค์กรที่อยากจะเข้ามาร่วมงานกับเรา  

          🚀อยากให้พนักงานที่อยู่กับองค์กร สามารถเชื่อมโยงระหว่างคำว่า Work และ Life และ Culture ให้อยู่ด้วยกันให้ได้  

 

 

การที่จะเป็น Agile Organization  

➡️ traditional organization คือ องค์กรที่ดำเนินไปตามขนบ ธรรมเนียมในอดีต ซึ่งรูปแบบนี้ขององค์กร จะมีความนิ่ง ทำงานเป็นกล่องๆ มีระดับการบังคับบัญชาที่ลูกน้องต้องรายงานขึ้นไปข้างบน และข้างบนคุยกันในประดับบอร์ดบริหารและสั่งการลงมาข้างล่าง แบบนี้เรียกว่าเป็น Hierarchy และเป็น Linear การทำงานแบบนี้จะทำให้เกิดความยิบย่อยในการทำงาน ทำให้การเคลื่อนไหวช้า เป็นลักษณะขององค์กรดั้งเดิม  

 

➡️ Agile Organization จะมีองค์ประกอบที่เรียกว่า Network of team ก็คือคนทำงานรวมตัวกัน เพื่อทำบางสิ่งบางอย่างได้อย่างว่องไว และเคลื่อนตัวได้อย่างว่องไว ซึ่งกลไกแบบนี้จำเป็นต้องเป็น People culture center องค์กรต้องมองภาพว่าศักยภาพ กำลังสำคัญขององค์กรอยู่ที่เรื่องคน เราต้องสร้างการตัดสินใจที่ว่องไวได้ สามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ และคนต้องรู้ตัวว่ากำลังทำงานสิ่งนี้เพื่ออะไร นั้นคือจุดมุ่งหมาย การร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ ๆ และสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธได้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการที่จะเป็น Agile Organization กลับมาสู่ภาพขององค์กร เปลี่ยนจากสามเหลี่ยมเป็นวงกลม   

 

แล้วองค์กรต้องทำอย่างไร ? อย่างสยามพิวรรธน์ CEO ซึ่งในอดีตเป็นผู้ตัดสินใจคนเดียว จะอยู่ที่ชั้นบนสุด คือ Group Management committee แต่ปัจจุบันเริ่มสร้างวงกลมหลาย ๆ วงให้เกิดขึ้นในองค์กร แต่ค่อนข้างจะเกิดความสับสน เพราะเหมือนว่าในบางคนจะต้องทำหลายหน้าที่ ตำแหน่งและบางตำแหน่งก็เหมือนจะซ้ำกับคนอื่น ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ภายใต้ความไม่แน่ใจ ก็จะต้องใช้สิ่งที่เรียกว่า Empowerment กับ Leadership ของแต่ละคนออกมาขับเคลื่อน และรีบทำให้เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องมีผู้บริหารที่ Empower มอบอำนาจให้ตัดสินใจได้จริง และต้องมีวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อให้คนต่างสายงานมาอยู่ร่วมกันได้ เรียกว่า Work at one culture  นั่นคือกลไกที่สร้างขึ้นมาในลักษณะของ Modular Organization เพื่อให้องค์กรวิ่งไวยิ่งขึ้น  

 

จะเป็น Platform ให้คนในองค์กรพัฒนาไปได้อย่างไร ?  

โดยปกติที่เป็น Traditional HR จะมอง Skill แบ่งเป็นเพียง 2 เรื่อง คือ Hard Skill (ทักษะที่ว่าด้วยเรื่องของการทำงาน บทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบ) และ Soft Skill (Collaboration, Communication, Leadership) พาร์ทนี้ในมุมมองของสยามพิวรรธน์ Functional Skill ที่ถือว่าเป็น Hard skill คือ บันไดฐานขั้นแรกที่พนักงานทุกคนอย่างน้อยต้อง Full Feel ทักษะที่จำเป็นในบทบาทหน้าที่ ที่ตนเองได้รับ และในวันที่โตขึ้น Soft skill จะถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่  

            ⭐ กลุ่มระดับบน คือ Leadership ซึ่งในแต่ละ level จะต้องใช้ leadership ที่ไม่เหมือนกัน และพนักงานระดับล่างสุด และหรือทุกคนจะต้องมี self leadership  

            ⭐ กลุ่ม Digital & future skill ซึ่งจะต้องอธิบายให้ชัดเจนในบริษัท และเริ่มพัฒนาพนักงานเพื่อให้ทักษะกลุ่มนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นภูมิกันของอนาคตขององค์กร  

            ⭐ กลุ่ม Professional Skill Set อาจจะคล้าย ๆ กับ Collaboration, Communication, Management Skill ต่าง ๆ Problem Solving  

            ⭐ แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ Mindset และเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งพนักงานทุกคนจะต้องถูกพัฒนาในเรื่องของ mindset อย่างชัดเจน ซึ่ง mindset at least ต้องประกอบด้วยค่านิยมองค์กร และอาจจะมีในกลุ่มอื่น ๆ ที่จะต้องเติมเข้า ถ้าใจแข็งแรง ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงข้างบนจะเป็นอย่างไร ใจก็สู้    

 

☁️☁️☁️☁️

เราจะต้อง Learn, Re-learn, Un-learn อยู่เสมอ เพราะว่า สิ่งที่จะถูก Disruption ดังนั้นถ้าเกิดว่า กำลังมุ่งให้องค์กรไปข้างหน้า จะต้องเน้น Skill ที่เป็นภูมิคุ้มกัน ไม่ว่าองค์กรจะถูกรุกราน ในเรื่องอะไร พนักงานจะมีภูมิคุ้มกันที่ดี ที่จะเปลี่ยนแปลงบทบาทหน้าที่ มีความสามารถในการเรียนรู้เรื่องใหม่ สามารถที่จะปรับใช้สิ่งใหม่เข้ากับตัวเองได้ตลอดเวลา เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าได้  

☁️☁️☁️☁️

 

          ⚡ Digital Skill Part แยกออกมาว่าพนักงานในแต่ละระดับควรต้องเรียนรู้ในเรื่องอะไรบ้าง เริ่มต้นตั้งแต่ Digital Awareness พนักงานทุกคนจำเป็นต้องรู้จักและเข้าใจใน trend ว่าเป็นอย่างไร ควรคำนึงถึงโลกดิจิทัลที่เกี่ยวกับตัวพนักงานว่าเองว่าเป็นอย่างไร  

          ⚡ Digital literacy for Productivity – ความสามารถในการรู้ เขียน อ่าน เกี่ยวกับดิจิทัล และสามารถนำดิจิทัลมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ และเกิดผลผลิตมากขึ้น  

          ⚡ Digital Foundation for Business –มุ่งไปที่ทักษะเรื่อง Data และมีการดึง Talent จากสายงานและตั้งตัวให้เป็น Data Ambassador เพื่อเรียนเรื่องของ Data Analysis, Data Analytic เพื่อให้มีคนที่เก่งด้านนี้อยู่ในทุก ๆ หน่วยงาน และสามารถขับเคลื่อนไปด้วยกันได้  

          ⚡ Generative AIมีการทำ Training ให้กับพนักงานได้ใช้ Generative AI เพื่อที่จะสามารถทำงานได้เร็วขึ้น ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น  

          ⚡ Digital Expertiseทักษะทางด้านดิจิทัลที่เจาะจงกับงานบางส่วน ซึ่งจะเป็นกลุ่มดิจิทัล กลุ่ม IT ที่จะมีในเรื่องของ Coding Programing ทำเรื่อง Big Data, UX, UI   

 

และสุดท้าย ผู้นำหรือผู้บริหารทุกคนต้องเห็นตรงกันว่า Future Business Require Digital อย่างไร และจะต้องเป็น Digital Leadership ที่สามารถเข้าใจและ apply ได้ว่าหากต้องการทำ Digital Transformation ในขั้นตอนต่อไปหรือวิธีคิด มุมมองในเรื่องนั้นเป็นอย่างไร การทำ Digital Disruption Strategy หลักการแนวคิดเป็นอย่างไร ทั้งหมดนี้คือบันไดที่จะต้องเสริมให้กับองค์กรเน้นในเรื่องของ Capability มากขึ้น  

 

ที่มา: คุณณัฐวุฒิ เกียรติไชยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด Thailand Productivity Forum 2024 Synchronizing People, Process, and Technology: Driving Future Workforce Success 

 

 

ค้นหาหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง

 

🔰eTraining DIGITAL TRANSFORMATION (DX) : The Path to Organizational Excellence (แนวทางการมุ่งสู่องค์กรดิจิทัล) 

รายละเอียด คลิก


🔰12-13 ธันวาคม 2567 Maximizing Productivity with ChatGPT: A Practical Guide for Business Success
 

รายละเอียด คลิก

 

 

 

 

 




Writer