4 สิงหาคม 2017

“อินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อกับทุกสิ่ง” หรือที่เราคุ้นเคยกันว่า “Internet of Things” กลายเป็นชื่อที่คุ้นหูผู้คนในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม เพราะเป็นหนึ่งเทคโนโลยีที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน ตลอดจนวิถีชีวิตประจำวันของมนุษย์ ด้วยการเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ ให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น

นักการตลาดและผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีได้พูดถึงการมาของIoTมาเป็นปีแล้ว จนเมื่อผลิตภัณฑ์อย่าง Google Home หรือ Amazon Echo ได้ปรากฏและได้รับความนิยมขึ้นมา มันทำให้เชื่อได้ว่าปี 2017 นี้ IoT จะมาแน่นอน

ถึงแม้ว่า ตามประมาณการเดิมเราจะได้เห็น “5 หมื่นล้านอุปกรณ์เชื่อมต่อ ในปี2020” แต่การประมาณการใหม่ก็ยังคงใกล้เคียง 3 หมื่นล้านอยู่ดี นับเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมที่มีมูลค่านับพันล้านเหรียญในอนาคตอันใกล้นี้

และนี่คือคำถาม – ธุรกิจของคุณพร้อมหรือยังสำหรับ IoT? ถ้าคุณไม่ได้จัดการโดยตรงกับเทคโนโลยีแล้ว อุปกรณ์เชื่อมต่อของ IoT จะส่งผลกระทบกับธุรกิจของคุณอย่างมาก เช่นนี้

1. ข้อมูล ข้อมูล และข้อมูล

นักการตลาดและผู้ประกอบการล้วนรักข้อมูล และด้วยการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT กับผู้บริโภคด้วยวิธีใหม่ๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์มากขึ้น ทำให้พวกเขาเข้าถึงข้อมูลได้ดีมากกว่าแต่ก่อน อุปกรณ์อัจฉริยะจะสามารถติดตามและบันทึกรูปแบบพฤติกรรมของผู้ใช้งาน และสามารถเรียนรู้จากสิ่งที่พวกเขาทำได้ด้วย ซึ่งการสร้างผลิตภัณฑ์อันแสนฉลาดนี้จะช่วยแนะนำ และปรับแต่งการค้นหาข้อมูลในรูปแบบใหม่ได้ หรือนับได้ว่าเป็นนวัตกรรมแบบใหม่

บริษัทสามารถชิงความได้เปรียบโดยการใช้ฐานข้อมูลเชิงลึกนี้ในการสร้างงานโฆษณาที่ได้ผลมากขึ้น และทราบถึงประชากรกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น โอกาสคือ คุณจะมีข้อมูลในทุกๆ ขั้นของวัฏจักรการซื้อของลูกค้า จากการวิจัยเพื่อการซื้อและการใช้งาน

2.การติดตามสินค้าคงคลังและการบริหารจัดการ

ต่อไปในอนาคต IOT อาจจะปฏิวัติวิธีการติดตามและจัดการสินค้าคงคลัง ถ้าบริษัทของคุณใช้คลังสินค้า ผลิตสินค้าหรือจัดเก็บสินค้าเอง คุณอาจจะใช้เครื่องสแกนระยะไกล (Remote scanner) และอุปกรณ์ไฮเทคอย่างอื่นในการช่วยพนักง่านตรวจสอบติดตามสินค้าในแต่ละชิ้น ในอนาคตอันใกล้ อุปกรณ์อัจฉริยะจะสามารถเฝ้าติดตามความเปลี่ยนแปลงของสินค้าได้อย่างอัตโนมัติ เปิดโอกาสให้พนักงานของคุณได้ทำงานอื่นที่สำคัญกว่า หรือทำงานที่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ต่อไปจะไม่ใช่มีแค่ “บ้านอัจฉริยะ: Smart home” เท่านั้น แต่จะมี “สำนักงานอัจฉริยะ: Smart office” และ “คลังสินค้าอัจฉริยะ: Smart warehouse”

3.สั่งงานระยะไกล

ในทางกลับกัน ถ้าธุรกิจคุณไม่ได้จัดการกับสินค้าคงเหลือโดยตรง IoT จะเปิดโลกใหม่ในในการสั่งงานได้จากระยะไกล ด้วยการเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์เข้ากับเครือข่ายเดียวกัน ทำให้พนักงานที่ทำงานอยู่ห่างกันสามารถเชื่อมต่อกันได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน และอาจสามารถทำงานในรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยทำได้มาก่อนด้วยการเชื่อมต่ออุปกรณ์จากภายนอก เข้าสู่ระบบของสำนักงานหรือโรงงาน พนักงานที่ทำงานอยู่ห่างไกลนั้นมีแนวโน้มที่จะมีความสุขมากขึ้น และทำงานอย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น ซึ่งการจัดการนั้นจะช่วยให้ผลกำไรของคุณเพิ่มขึ้นอีกด้วย

4. ความรวดเร็วและการเข้าถึง

ตั้งแต่ที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงการค้นคว้า และการจัดซื้อในรูปแบบใหม่ๆ ได้ ดูเหมือนระยะของวัฏจักรการซื้อของลูกค้าจะสั้นลง ผู้บริโภคจะสามารถค้นหาและสั่งสินค้าที่พวกเขาต้องการได้อย่างเฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น และพวกเขายังมีความต้องการในการจัดส่งที่เร็วขึ้น (ตั้งแต่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้า ผู้บริโภคก็มีแนวโน้มที่พึงพอใจกับความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น) โชคดีที่คู่ค้า ซัพพลายเออร์ และผู้ให้บริการขนส่งมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าด้วยเช่นกัน นั่นหมายถึงคุณจะสามารถให้บริการผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

5. ประสิทธิภาพและประสิทธิผล

ไม่ได้เกี่ยวเนื่องแค่ความรวดเร็วเท่านั้น แต่ในเวลาที่น้อยลงคุณสามารถทำงานได้เสร็จมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเพิ่มความพึงพอใจในทันที และวิวัฒนาการทางเทคโนโลยียังมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย ประเด็นล่าสุด และยอดเยี่ยมที่สุดในการพัฒนาการของ IoT ดูเหมือนว่าจะทำให้คุณและพนักงานของคุณทำงานที่มีขนาดใหญ่ให้สำเร็จได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำขึ้น ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์และจัดการข้อมูล คุณอาจพบว่า ต้องการพนักงานน้อยลง หรือคุณอาจจะปรับพื้นที่ปฏิบัติงานใหม่ทำให้ขยายขนาดธุรกิจของคุณ

6. ความต้องการใหม่ๆ ของผู้บริโภค

ถ้าพูดถึงการขยายธุรกิจ อย่าลืมว่าผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูล และมีความคุ้นเคยกับอุปกรณ์เชื่อมต่อมากขึ้นนั้น ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการใหม่ๆ เกิดขึ้น ที่พวกเขาอาจต้องการบางสิ่งที่ก็ไม่รู้มาก่อนว่าตัวเองต้องการสิ่งนั้น และพวกเขาจะมีความคาดหวังกับของใหม่ที่ซื้อทุกชิ้น อุปกรณ์ “อัจฉริยะ” จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของเครื่องใช้ อุปกรณ์แก็ดเจ็ต (Gadget) และอุปกรณ์ที่ใช้เหมือนเป็นเครื่องประดับ นอกจากนั้น ผู้บริโภคยังมีความต้องการการเชื่อมต่อถึงกัน การมีเครื่องใช้และอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ ที่จะทำให้การใช้ชีวิตในบ้านอัจฉริยะนั้นราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นมันเป็นหน้าที่ของคุณที่จะสร้างความฝันให้เป็นจริง

7. ความต้องการพนักงานใหม่

อย่างที่ได้กล่าวมาว่า ข้อเท็จจริงคือ คุณจำเป็นต้องลดพนักงานบางส่วน หรือย้ายไปอยู่พื้นที่อื่น แต่นอกจากนั้นคุณอาจจะรู้สึกอยากได้ทีมงานใหม่ คุณอาจต้องการพนักงานที่เก่งในเรื่องของ IoT ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จจากการเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับกระบวนทำงานในปัจจุบัน และต้องการนักวิเคราะห์ข้อมูลถ้าคุณต้องการข้อมูลใช้งานที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องอาศัยผู้ที่มีทักษะสูง แต่ก็จะช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้นสำหรับการลงทุนใหม่ๆ

กำหนดเวลา

จะใช้เวลาแค่ไหนที่เทคโนโลยี IoT จะเริ่มได้รับความนิยม? อย่างที่ได้กล่าวมาว่า ประมาณการขั้นต้น (จากเมื่อไม่กี่ปีผ่านมา) ที่ต้องใช้ความพยายามค่อนข้างสูง พวกเขาไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าว่าผู้บริโภคพร้อมที่จะยอมรับอุปกรณ์เหล่านี้เร็วเพียงใด และคาดว่าจะมีการรวบรวมอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน เราค่อยๆ เริ่มต้นอย่างช้าๆ กับอุปกรณ์หลักในครัวเรือนที่จะปล่อยเข้าสู่ตลาด และอีกมากมายที่จะตามมา คาดการว่าปี 2017 นี้จะเป็นปีที่อุปกรณ์ IoT จะได้รับความนิยมในทันที อย่างน้อยที่สุดหนึ่งในสามของเจ้าของบ้านทั้งหมดจะต้องมีเจ้าอุปกรณ์อัจฉริยะอย่างน้อย 1 ชิ้นอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นคือ เป็นการยากที่จะกำหนดช่วงเวลาที่แน่นอนได้ แต่ความเปลี่ยนแปลงกำลังมาแน่ๆ คำถามคือ คุณจะอยู่หัวแถวหรือหางแถวของการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้

ที่มา : https://www.forbes.com/sites/jaysondemers/2017/01/11/7-ways-the-internet-of-things-will-change-businesses-in-2017/#55e0391b39e6

 




Writer

โดย ชุติมา สมงาม

เจ้าหน้าที่บริการสัมมนา แผนกสัมมนา
ฝ่ายพัฒนาศักยภาพ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ