ในปีนี้ รางวัลคุณภาพแห่งชาติ หรือ (Thailand Quality Award :TQA) ก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 แห่งความสำเร็จในการพัฒนาขีดความสามารถขององค์กรในการแข่งขันทางธุรกิจ ก้าวไปสู่มาตรฐานสากลด้วยการสนับสนุนระบบบริหารจัดการที่เป็นเลิศ องค์กรต่างๆ จึงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจโดยนำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพ รวมทั้งขอรับการตรวจประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ โดยองค์กรที่ได้รับรางวัลจะเป็นที่ยอมรับจากองค์กรต่างๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ สถาบันเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะสำนักงานรางวัลคุณภาพแห่งชาติได้จัดงานแถลงข่าวผลรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ประจำปี 2559 (Thailand Quality Award :TQA) โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานงานแถลงข่าวผลรางวัลคุณภาพแห่งชาติ กล่าวถึงความสำคัญของรางวัลคุณภาพแห่งชาติกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เข้มแข็ง มีเสถียรภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันในระยะยาว “ปัจจุบันได้มีการบรรจุแผนยุทธศาสตร์เหล่านี้ ทั้งในเรื่องของรางวัลคุณภาพแห่งชาติและยุทธศาสตร์การเพิ่มผลิตภาพของชาติ และมุ่งหวังให้สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติเป็นสถาบันที่ทำงานทางด้านการยกระดับการเพิ่มผลผลิตให้มีระดับกว้างมากขึ้นโดยการวางยุทธศาสตร์ในภาพรวม”
“ผมเชื่อว่าความสำคัญทางด้านคุณภาพ เรื่องการบริหารจัดการต่างๆ โดยเฉพาะ Productivity เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของเรา ในกระทรวงอุตสาหกรรม เราได้ให้ความสำคัญเรื่อง Productivity Standard และ Innovation ซึ่งเป็น 3 เสาหลักที่เราจะใช้ในการขับเคลื่อน และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ให้เข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ได้ ผมเชื่อว่ารางวัล TQA นี้จะเป็นรางวัลที่บ่งบอกถึงศักยภาพขององค์กร”
“เป็นที่ทราบดีว่าประเทศไทยกำลังก้าวไปสู่ Thailand 4.0 บริบทของกระทรวงไม่ได้มองในเรื่องของกระบวนการผลิตหรือเทคโนโลยีการผลิตเท่านั้น แต่เราพูดถึงด้าน Soft Side ในเรื่องวัฒนธรรมความรู้ ขีดความสามารถต่างๆ แต่ไม่ได้ละเลยในเรื่องการเชื่อมโยงผ่าน Automation หรือเรียนรู้โดยใช้ประโยชน์จาก Big Data เพื่อนำมาทำงานให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น”
ทางด้าน ดร.พานิช เหล่าศิริรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ กล่าวถึงบทบาทและการดำเนินงานที่สำคัญของสำนักงานรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ในปี 2559-2560 “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สำนักงานรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ได้ผลักดันให้ภาคส่วนต่างๆ นำเกณฑ์รางวัลไปใช้พัฒนาการบริหารจัดการองค์กร ผ่านกิจกรรมสัมมนาและฝึกอบรม ซึ่งเกณฑ์รางวัลจะช่วยให้เกิดการบูรณาการกระบวนการบริหารจัดการไปสู่ผลลัพธ์ที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน จนส่งผลให้มีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มสูงขึ้นทุกปี อีกทั้งยังมีผลให้ภาคส่วนต่างๆ นำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติไปใช้เป็นกรอบการพัฒนาเกณฑ์รางวัลอื่นๆ ในภาครัฐและเอกชนอย่างแพร่หลาย”
อีกทั้งศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลาในฐานะกรรมการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ กล่าวถึงประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับจากเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ “องค์กรที่ดำเนินการตามแนวทางเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล หากองค์กรทั้งหลายได้นำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติเข้าไปใช้ในการปรับปรุงพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง ก็จะเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุดในทุกขั้นตอน เริ่มต้นจากการประเมินตนเอง ผู้บริหารจะทราบถึงสถานการณ์ที่แท้จริงว่าระบบการบริหารจัดการยังขาดตกบกพร่องในเรื่องใด จึงสามารถกำหนดวิธีการและเป้าหมายที่ชัดเจนในการจัดทำแผนปฏิบัติการ และเมื่อองค์กรปฏิบัติตามแผนจนบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ และตัดสินใจสมัครรับรางวัล องค์กรจะได้รับการตรวจประเมินด้วยกระบวนการที่มีประสิทธภาพ และจะได้รับรายงานป้อนกลับซึ่งระบุจุดแข็งและจุดที่ควรปรับปรุง อันจะเป็นประโยชน์ต่อการนำไปวางแผนปรับปรุงองค์กรให้มีความสมบูรณ์มากขึ้นต่อไป”
สำหรับในปีนี้ ไม่มีองค์กรใดผ่านเกณฑ์การพิจารณาให้ได้รับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award: TQA) ส่วน 7 องค์กรชั้นนำในภาคการผลิต ภาคการบริการ และภาคการบริการสุขภาพและสาธารณสุขจำนวน 7 องค์กรที่ได้รับรางวัลบริหารสู่ความเป็นเลิศ (Thailand Quality Class : TQC) ในปี 2559 ยังได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการเผยแพร่ผลลัพธ์แห่งความสำเร็จขององค์กรตามแนวทางเกณฑ์รางวัลรางวัลบริหารสู่ความเป็นเลิศ ตลอดจนกล่าวถึงความมุ่งหวังขององค์กรในการนำเกณฑ์รางวัลไปปรับใช้เพื่อพัฒนาองค์กรไปสู่การรับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ
คุณธงชัย มีสวัสดิ์ ผู้จัดการฝ่าย หน่วยงานบำรุงรักษาเอทิลีนออกไซด์ และเคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เอทิลีนออกไซด์ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนขององค์กร โดยนำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาใช้ในระบบการบริหารงาน และจะพัฒนาจากรางวัลบริหารสู่ความเป็นเลิศให้กลายเป็นรางวัลคุณภาพแห่งชาติในอนาคตข้างหน้าต่อไป
“เรามุ่งยกระดับมาตรฐานการจัดการองค์กรให้เทียบเท่ากับองค์กรระดับโลก เพื่อตอบสนองวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นจะเป็นผู้ผลิตสารเอทิลีนออกไซด์และสารต่อเนื่องอย่างดีเลิศ โดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าที่เน้นถึงความยั่งยืน ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เอทิลีนออกไซด์ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ โดยนำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาปรับใช้ในการกำหนดยุทธศาสตร์ วางแผนธุรกิจ และมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดี เน้นการดำเนินงานที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ขององค์กรและพนักงาน มุ่งเน้นการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ตามแนวทางของเกณฑ์รางวัลฯ”
“จากความมุ่งมั่นและการพัฒนาทบทวนปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่องตามเกณฑ์รางวัลฯ ส่งผลให้บริษัทได้รับรางวัลต่างๆ หลากหลายรางวัล อีกทั้งเรายังเปรียบเทียบผลการดำเนินการกับคู่แข่งในระดับเดียวกันและระดับสากล ตลอดจนนำรายงานการตรวจสอบหรือ Feedback Report ที่ได้รับนำไปปรับปรุง โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืน และพัฒนาองค์กรโดยจุดมุ่งหมายของเราคือ การได้รับรางวัลคุณภาพแห่งชาติหรือ TQA ในที่สุด”
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นอีกหนึ่งองค์กรด้านการบริการสุขภาพและสาธารณสุขที่ได้รับรางวัลบริหารสู่ความเป็นเลิศเป็นปีแรก ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้แสดงความมุ่งมั่น ผ่านวิสัยทัศน์ในการนำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาปรับใช้เพื่อผลักดันให้ศิริราชเป็นสถาบันแพทย์ของแผ่นดินที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ
“เมื่อครั้งที่คณะได้ศึกษาเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ พบว่าหากนำมาประยุกต์ใช้น่าจะมีผลเชิงบวกที่ทำให้คณะสามารถบูรณาการพันธกิจทั้ง 3 ด้าน สามารถบูรณาการทรัพยากรต่างๆ ที่เรามีอยู่ และน่าจะก่อให้เกิดผลประโยชน์เชิงบวกต่อประสิทธิภาพของการบริหารจัดการคณะ ต่อมาจึงประกาศเป็นยุทธศาสตร์หลักข้อหนึ่งของคณะที่จะมุ่งสู่การบริหารจัดการที่เป็นเลิศ โดยใช้เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการ จนปรากฎว่าในช่วง 2-3 ปีนี้ ผลการดำเนินการในทุกพันธกิจของคณะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
“ผมคิดว่า พวกเราชาวศิริราชมาถูกทาง การได้รับรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ หรือ Thailand Quality Class (TQC) ในครั้งนี้จะมีผลสำคัญอย่างยิ่ง พวกเราจะมุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อไปข้างหน้าโดยใช้เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ ซึ่งเราเชื่อว่าถ้าเราพยายามกันเต็มที่ ก็จะสามารถได้รับรางวัล TQAได้ เพื่อต้องการจะยืนยันกับประชาชนคนไทยทั้งประเทศว่าเราจะมุ่งมั่นพัฒนาตน เพื่อเป็นสถาบันการแพทย์ของแผ่นดิน และจะมุ่งสู่ความเป็นเลิศในระดับสากล เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขัน และยืนอยู่ในเวทีโลกอย่างสมศักดิ์ศรีของสถาบันทางด้านวิชาการ และสถาบันสุขภาพ”
ด้านคุณชลัช บุญหลาย รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด กล่าวถึงผลลัพธ์ขององค์กรจากการนำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาใช้เพื่อมุ่งพัฒนาองค์กรต่อไปในภายภาคหน้า
“ผลสำเร็จของการที่บริษัทท่อส่งปิโตรเลียมไทยได้นำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาใช้เป็นแนวทางดำเนินการ การบริหารจัดการองค์กรตั้งแต่ปี 2554 ทำให้บริษัทได้ทราบสภาพที่แท้จริงของโลกบริหารจัดการที่เป็นอยู่ จากการที่ประเมินตนเอง ที่สำคัญคือทำให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนมีเป้าหมายที่ชัดเจนไปในแนวทางเดียวกัน โดยบูรณาการบริหารจัดการตั้งแต่การนำองค์กร กลยุทธ์ ลูกค้า การวัดวิเคราะห์ การจัดการความรู้ บุคลากรและการปฏิบัติการ ผู้บริหารและพนักงานทุกคนช่วยกันคิดและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์รางวัล TQA นอกจากนั้นก็ยังช่วยเสริมสร้างวัฒนธรรมการทำงานให้ตระหนักถึงผลลัพธ์ที่เป็นเลิศตามวิสัยทัศน์และพันธกิจมากยิ่งขึ้น รวมถึงการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาจัดการองค์ความรู้ เพื่อต่อยอดสู่นวัตกรรม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทต่อไป”
“สำหรับความมุ่งหวังในการพัฒนาองค์กรไปสู่ TQA ในลำดับถัดไปนั้น องค์กรก็ยังคงมุ่งหวังที่จะปรับปรุงการปฏิบัติงานให้ดี ให้มีกระบวนการทำงานตามเกณฑ์ที่กำหนด รวมทั้งใช้แนวความคิดในการทำงานที่ว่า “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด และทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้” ซึ่งจะไปตามเจตนารมณ์ของบริษัทที่จะให้การขนส่งน้ำมันทางท่อด้วยบริการที่เป็นเลิศตามคำขวัญ “แม่นยำ น่าเชื่อถือ มืออาชีพ” โดยการดำเนินงานทั้งหมดช่วยลดปัญหาการจราจร ลดอุบัติเหตุทางการจราจร ลดมลพิษทางอากาศและที่สำคัญที่สุดช่วยประหยัดพลังงานที่ใช้ขนส่งน้ำมัน ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปสู่ Thailand 4.0 ต่อไป”
บริษัท พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัดเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ได้แสดงผลลัพธ์จากความความพยายามในการปรับปรุงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยนำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ดังที่คุณณรงค์ชัย พิสุทธิ์ปัญญา กรรมการผู้จัดการใหญ่ได้แสดงวิสัยทัศน์ไว้ได้อย่างน่าสนใจ
“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศในปีนี้ หลังจากเราเพียรพยายามมาเป็นเวลา 7 ปี ตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัทและเริ่มนำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาเป็นเกณฑ์ในการพัฒนา รายงานการป้อนกลับของทางสำนักงานรางวัลคุณภาพแห่งชาตินั้น เป็นรายงานที่เราใช้ในการปรับปรุงกระบวนการ ปรับปรุงผลลัพธ์ เราเชื่อว่าด้วยเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาตินั้นจะเป็นเกณฑ์หลักที่ทำให้เราสามารถพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นเลิศได้”
“รางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราทุกคนมุ่งมั่นและทุ่มเทที่จะนำกรอบเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาใช้พัฒนากระบวนการและปรับปรุงประสิทธิภาพ บริษัทจะเริ่มดำเนินการนำโครงการนี้ถ่ายทอดไปยังกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมพลาสติกของประเทศ ด้วยมุ่งหวังว่าการดำเนินการร่วมกันนี้น่าจะส่งผลช่วยในการยกระดับการแข่งขันของประเทศไทย และก้าวสู่ Thailand 4.0 ได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน”
ด้วยผลการดำเนินงานขององค์กรตามเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติที่เห็นได้อย่างชัดเจน ส่งผลให้ บริษัท พีทีที โพลีเมอร์ โลจิสติกส์ จำกัด ได้รับรางวัลบริหารสู่ความเป็นเลิศในปีนี้เป็นครั้งที่ 2 อีกทั้งคุณวิลาวัลย์ สงเจริญ กรรมการผู้จัดการยังกล่าวถึงเจตนารมณ์ที่จะพัฒนาองค์กรให้ก้าวไปสู่การได้รับรางวัลคุณภาพแห่งชาติต่อไป
“ในนามของ บริษัท พีทีที โพลีเมอร์ โลจิสติกส์ จำกัด หรือ PTTPL เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในครั้งนี้ ผลสำเร็จอีกด้านของการนำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการองค์กรคือ การทำให้ผู้บริหารและพนักงานทุกท่านมุ่งไปสู่เป้าหมายในทิศทางเดียวกัน โดยมีการบูรณาการระบบบริหารจัดการให้สอดประสานกันในทุกส่วนงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทำให้บริษัทสามารถส่งมอบคุณค่าที่ดีขึ้นทางด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการให้บริการกับลูกค้า รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล”
“เราเชื่อมั่นว่าการบริหารจัดการองค์กรตามเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติจะทำให้บริษัทเป็นที่ยอมรับในฐานะองค์กรแห่งคุณภาพและมีการดำเนินธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และในอนาคตบริษัทจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาระบบการบริหารจัดการองค์กรตามเกณฑ์รางวัลฯ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการที่เราจะเป็น Best in Class Logistic Performance ตาม Aspiration ขององค์กร และมุ่งหวังที่จะได้รับรางวัล TQA ในอนาคตอีกด้วย”
เมื่อพิจารณาผลลัพธ์ของการนำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาใช้พัฒนาองค์กร จะพบว่าองค์กรทั้งหลายสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในภาคการผลิตได้ ดังเช่นที่คุณจรัญ คำเงิน ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าน้ำพอง ได้กล่าวถึงความสำคัญของกรอบเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติซึ่งจะนำพา โรงไฟฟ้าน้ำพอง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ไปสู่ความเป็นเลิศ
“ในส่วนของการผลิตไฟฟ้ามีกระบวนการผลิตที่เป็นขั้นเป็นตอนของมันอยู่ ซึ่งตลอดกระบวนการเราจะคำนึงถึงภาระกิจหลักอยู่ 3 ด้าน คือ กระบวนการภายใน สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องมีการดำเนินการอย่างสมดุลนำไปสู่ความยั่งยืน แต่เนื่องจากปัจจุบันทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโลกแห่งสังคมดิจิทัล ซึ่งมีความรวดเร็วมาก ดังนั้น วิถีที่เราจะดำเนินการผลิตไฟฟ้าต้องตอบสนองต่อธุรกิจหลัก และความมั่นคงของประเทศ ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่เราใช้กรอบการดำเนินงานตามเกณฑ์รางวัล TQA มาบริหารจัดการการผลิตพลังงานไฟฟ้านั้น ปรากฎว่าในปี 2559 โรงไฟฟ้าน้ำพองสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้สูงที่สุดเท่าที่เคยดำเนินการมา นี่คือผลสัมฤทธิ์ที่เห็นจากผลการดำเนินการตามกรอบการดำเนินงานของรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ด้วยความมุ่งมั่นและเชื่อมั่นว่า กรอบแนวทางนี้จะนำทางไปสู่ผลการดำเนินงานที่เป็นเลิศได้ ในนามของโรงไฟฟ้าน้ำพอง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ขอขอบคุณสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติที่ได้นำกรอบแนวทางที่ดีๆ มาสู่องค์กรของเรา”
สุดท้ายคุณสมคิด พงษ์ชวนะกุล ผู้อำนวยการฝ่ายบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าบางปะกง ได้เล็งเห็นถึงการนำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาใช้ในองค์กร นำไปสู่การเห็นรูปแบบการดำเนินการที่ชัดเจน โรงไฟฟ้าบางปะกง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จึงมีเป้าหมายในการพัฒนาตัวเองไปสู่ความสำเร็จ
“โรงไฟฟ้าบางปะกง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีการบริหารจัดการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการดำเนินงานสู่ความเป็นเลิศ โดยได้ใช้แนวทางตามเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาพัฒนาการบริหารการดำเนินการองค์การอย่างต่อเนื่อง เรามีความเชื่อในเกณฑ์ เรามีความเชื่อในผลสำเร็จที่จะเกิดขึ้น ถ้าเราสามารถปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ที่มีการปรับปรุงอยู่ตลอดเวลาไม่มีการหยุดนิ่ง”
“จากการที่โรงไฟฟ้าบางปะกงได้ใช้แนวทางการบริหารจัดการตามแนวทางเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ ทำให้ผลประกอบการของโรงไฟฟ้าบางปะกงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากผลของการร่วมแรงร่วมใจ และการเห็นแนวทางที่ชัดเจน มีแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้าบางปะกงก็ยังคงมีความมุ่งมั่นพัฒนาการบริหารจัดการตามแนวทางเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติต่อไป เพื่อให้โรงไฟฟ้าบางปะกงได้มีผลประกอบการที่เป็นเลิศ ตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน”
7 องค์กรไทยคุณภาพที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ในการนำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมาใช้ดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาองค์กร ถือเป็นตัวอย่างแห่งความมุ่งมั่นเพื่อเดินทางไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ ให้องค์กรอื่น ๆ เรียนรู้และนำวิธีปฏิบัติไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดด้วยเช่นกัน