23 พฤษภาคม 2016

เทคโนโลยี

นิตยสารออนไลน์ forbes โดย Peter High ได้เขียนถึงงาน ‘Gartner Symposium/ITxpo2015’ ในออร์แลนโด เมื่อปลายปี 2015 ที่ผ่านมา ซึ่ง Gartner ได้ระบุประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับ 10 แนวโน้มเทคโนโลยีระดับกลยุทธ์ในปี 2016″ ซึ่งมุ่งเน้น Internet of Things (IoT) และอุปกรณ์อัจฉริยะ ที่สามารถเชื่อมโยงกับอุปกรณ์อื่นๆได้อย่างชาญฉลาดและมีประโยชน์มากขึ้น ผ่านวิวัฒนาการของธุรกิจดิจิทัลที่เป็นหัวใจของสิ่งที่จะครอบคลุม โดยบทสรุปของ 10 แนวโน้มมีดังนี้

  1. The Device Mesh

Device mesh เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ การขยายตัวของอุปกรณ์ปลายทางที่ผู้คนใช้สำหรับเข้าถึงแอพพลิเคชั่นและข้อมูลสารสนเทศ หรือ สื่อสารกับผู้คน สังคม หน่วยงานราชการ และองค์กรธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วย อุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ อุปกรณ์สวมใส่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภค ยานพาหนะ และอุปกรณ์เครื่องมือที่อยู่แวดล้อมเช่น เซ็นเซอร์ต่างๆที่อยู่บนอุปกรณ์ IoT

แนวโน้มเทคโนโลยีที่หลากหลายได้นำมาสู่การเพิ่มจำนวนของเซ็นเซอร์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่างๆที่เราใช้สำหรับงานส่วนบุคคลและใช้สำหรับการปฏิบัติงาน เมื่อได้เรียนรู้ข้อมูลรูปแบบการใช้ชีวิตประจำของผู้ใช้งานมากขึ้น เซ็นเซอร์เหล่านี้ก็เริ่มเฉลียวฉลาดมากขึ้นเรื่อยๆ Gartner พยากรณ์ว่า เซ็นเซอร์เหล่านี้ซึ่งปัจจุบันยังคงทำงานแยกกันอยู่จะเริ่มทำงานร่วมกันมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเข้าใจพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ใช้งานได้อย่างถ่องแท้มากยิ่งขึ้น

  1. Ambient User Experience

Gartner อ้างถึงความสามารถของอุปกรณ์และเซ็นเซอร์เหล่านี้ในการเก็บข้อมูลแบบบริบทว่า Ambient UX ความท้าทายคือการออกแบบแอปพลิเคชันที่สามารถคาดเดาระดับของการทำงานเชื่อมโยงกันของอุปกรณ์ต่างๆในขณะที่ยังไม่มีมาตรฐานร่วมกันสำหรับอุปกรณ์ IoT Gartner กล่าวว่า อุปกรณ์และเซ็นเซอร์ต่างจะเริ่มฉลาดขึ้นและสามารถช่วยจัดการชีวิตของเราได้ดียิ่งขึ้นโดยที่เราไม่ทันสังเกตเห็น

เทคโนโลยีทางด้านดิจิทัลได้ลดข้อจำกัดในเรื่องทางด้านกายภาพ เทคโนโลยี virtual reality และ เทคโนโลยี augmented reality ได้ช่วยองค์กรและแบรนด์ในการสร้างประสบการณ์เสมือนจริงซึ่งช่วยดึงดูดลูกค้า ประสบการณ์ที่ผู้ใช้งานจะได้รับเป็นไปอย่างต่อเนื่องผ่านอุปกรณ์และช่องทางการปฏิสัมพันธ์ที่หล่อหลอมสภาพแวดล้อมจริง สภาพแวดล้อมเสมือน และ สภาพแวดล้อมแบบอิเล็กทรอนิกส์เข้าไว้ด้วยกันเมื่อผู้ใช้งานมีการเคลื่อนย้ายจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง

  1. 3D-printing Materials

ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการพิมพ์แบบสามมิติ ได้ช่วยให้การพิมพ์แบบสามมิติสามารถใช้วัสดุที่หลากหลายประเภทมากขึ้น ซึ่งรวมไป โลหะผสมนิเกิ้ลแบบพิเศษ คาร์บอนไฟเบอร์ แก้ว หมึกพิมพ์ชนิดพิเศษซึ่งผสมอนุภาคนำไฟฟ้า วัตถุดิบทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ วัตถุดิบทางด้านเภสัชกรรม และ วัตถุดิบทางด้านชีวภาพ ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีช่วยผลักดันความต้องการของผู้ใช้งานเมื่อประเภทของผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างขึ้นได้จากเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติขยายไปสู่หลากหลายภาคส่วน เช่น อากาศยาน ยา รถยนต์ พลังงานและ การทหาร การพิมพ์แบบสามมิติจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่าอีก 20 ปี ในเรื่องของวัตถุดิบที่สามารถนำมาใช้พิมพ์ได้ การปรับปรุงให้ดีขึ้นในเรื่องของความเร็วในการพิมพ์ และการเกิดขึ้นของรูปแบบใหม่ๆในการพิมพ์

  1. Information of Everything

ข้อมูลที่ถูกสร้าง ใช้งานและส่งต่อไปในโครงข่ายดิจิทัลจะไม่จำกัดอยู่แค่เพียง ข้อมูลข้อความ ข้อมูลเสียงและวิดีโอ แต่จะรวมไปถึง ข้อมูลจากเซ็นเซอร์และข้อมูลบริบท ข้อมูลสารสนเทศมีอยู่ในทุกที่แต่จะอยู่ในรูปแบบแยกกันเป็นอิสระ ไม่สมบูรณ์ ไม่พร้อมใช้งาน หรือ ไม่ชัดเจน ความก้าวหน้าในเครื่องมือด้านตรรกวิทยา เช่น graph database รวมทั้ง การแบ่งกลุ่มของข้อมูลที่เกิดใหม่ และ เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศจะช่วยทำให้สารสนเทศที่มากมายสับสนถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้ บริษัทที่สามารถนำข้อมูลที่มหาศาลนี้ออกมาใช้ได้ จะได้เปรียบคู่แข่งขันเป็นอย่างมาก

  1. Advanced Machine Learning

ในเรื่องของการเรียนรู้ระดับสูงของเครื่องจักร   เทคโนโลยี deep neural nets หรือ DNNs ไม่ได้ทำได้แค่เพียงการประมวลผลและบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศเท่านั้น แต่ยังสามารถเรียนรู้จากข้อมูลสารสนเทศเหล่านั้นได้ด้วยตนเองเพื่อให้เข้าใจโลกนี้มากยิ่งขึ้น   การเกิดขึ้นของแหล่งข้อมูลสารสนเทศที่มากมาย และความสลับซับซ้อนของข้อมูลสารสนเทศ ทำให้การแบ่งกลุ่มและวิเคราะห์โดยมนุษย์เป็นไปได้ยากและไม่คุ้มค่า เทคโนโลยี DNN เข้ามาช่วยให้กระบวนการดังกล่าวสามารถดำเนินการได้โดยอัตโนมัติได้ เครื่องจักรจะเข้ามาช่วยในกระบวนการวิเคราะห์เริ่มต้นที่แต่เดิมมนุษย์เป็นผู้ดำเนินการ ทำให้การวิเคราะห์มีประสิทธิภาพมากขึ้นและ ผลลัพธ์ของการวิเคราะห์ยังคงต้องอาศัยการวิเคราะห์จากมนุษย์แต่เป็นการวิเคราะห์ในระดับที่สูงกว่า

  1. Autonomous Agents and Things

ศักยภาพของหุ่นยนต์ที่จะเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจนสามารถทำงานต่างๆแทนมนุษย์ได้เป็นอย่างดีจะเริ่มเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตนเองซึ่งอาศัยการเรียนรู้ของยานพาหนะขับเคลื่อนด้วยตนเองที่มีใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ถูกควบคุมเป็นเวลาหลายปี การประยุกต์ใช้งานกำลังก้าวข้ามไปสู่สภาพแวดล้อมเหนือการควบคุม เช่น ในอากาศ ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่อุปกรณ์ประเภทไม่มีคนบังคับควบคุมหรืออุปกรณ์ประเภทโดรนกำลังครอบครองพื้นที่อยู่ Gartner พยากรณ์ว่าจะมีการพัฒนาที่ก้าวล้ำเกิดขึ้นอีกมาก

  1. Adaptive Security Architecture

เรื่องความปลอดภัยเป็นหัวข้อที่ผู้บริหารระดับสูงทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อบริษัทที่ถูกคุกคามมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กลยุทธ์ที่ใช้กันอยู่คือการสร้างระบบป้องกันเชิงตั้งรับ อย่างไรก็ตาม Gartner พยากรณ์ว่า จะมีเครื่องมือต่างๆให้ใช้มากขึ้นสำหรับการดำเนินการป้องกันเชิงรุกโดยอาศัยรูปแบบการพยากรณ์ ตัวอย่างเช่น การให้แอปสามารถปกป้องตนเองได้ Gartner เน้นย้ำว่า องค์กรจำเป็นต้องผนวกระบบความปลอดภัยเข้ากับทุกกระบวนการทางธุรกิจ จากต้นทางไปปลายทาง

  1. Advanced System Architecture

Digital mesh และ เครื่องจักรกลอัจฉริยะจำเป็นต้องอาศัยสถาปัตยกรรมการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อให้สามารถใช้งานได้ตามความต้องการขององค์กร สิ่งที่จะตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าวจะเป็นสถาปัตยกรรมที่ทำงานเลียนแบบสมองของมนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพสูง ระบบที่สร้างขึ้นโดยใช้สถาปัตยกรรม GPUs และ field-programmable gate-arrays (FPGAs) จะทำงานได้คล้ายกับรูปแบบการทำงานของสมองมนุษย์ซึ่งจะเหมาะสมในการนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนรู้เชิงลึกและอัลกอริทึมเปรียบเทียบรูปแบบอื่นๆที่ใช้งานโดยเครื่องจักรกลอัจฉริยะ สถาปัตยกรรม FPGA จะช่วยกระจายอัลกอริทึมในรูปแบบที่มีขนาดเล็กลงซึ่งเป็นผลให้อุปกรณ์ต่างๆต้องการพลังงานในการทำงานน้อยลงอย่างมาก ช่วยให้ความสามารถในการเรียนรู้ของเครื่องจักรกลสามารถถูกนำไปติดตั้งใช้งานบนอุปกรณ์ IoTขนาดเล็กมากๆ ได้ อาทิ เช่น ในบ้าน ในรถยนต์ ในนาฬิกาหรือแม้แต่ฝังอยู่ในตัวมนุษย์

  1. Mesh App and Service Architecture

สถาปัตยกรรมแอปและบริการเป็นแนวทางการออกแบบแอปพลิเคชันที่ผสมผสานและยืดหยุ่นกว่ารูปแบบการออกแบบแอปพลิเคชันแบบเดิมๆ โดยใช้เทคโนโลยี software defined application ทำให้สามารถส่งมอบผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น ความรวดเร็วในระดับ web scale สถาปัตยกรรมบริการขนาดย่อมเป็นรูปแบบใหม่สำหรับการสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายตัวเพื่อสนับสนุนการส่งมอบที่รวดเร็วและการติดตั้งที่ขยายตัวได้ ทั้งกับบนเครื่องเซิฟเวอร์ในองค์กร หรือ บนระบบ cloud การนำองค์ประกอบของอุปกรณ์เคลื่อนที่และอุปกรณ์ IoT มาใส่ไว้ในสถาปัตยกรรมแอปและบริการช่วยสร้างรูปแบบที่ครอบคลุมในการจัดการกับความสามารถในการขยายตัวของระบบ Cloud ซึ่งเป็นระบบหลังบ้าน และ ประสบการณ์ในการใช้งานอุปกรณ์ที่เป็น device mesh ซึ่งเป็นระบบหน้าบ้าน

  1. Internet of Things Architecture and Platforms

แพลตฟอร์ม IoT อยู่เบื้องหลังสถาปัตยกรรมแอปและบริการ เทคโนโลยีและมาตรฐานของแพลตฟอร์ม IoT ก่อร่างความสามารถพื้นฐานในการสื่อสาร การควบคุม การจัดการ การดูแลความปลอดภัย ให้กับอุปกรณ์ปลายทางใน IoT ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ digital mesh และ ambient user experience เกิดเป็นจริงได้

Gartner ชี้ว่า เทคโนโลยี IoT ยังคงกระจัดกระจายอยู่ และ ผู้ใช้งานยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ เนื่องจากปัญหาของการที่ยังไม่มีมาตรฐานร่วมกันของ IoT และปัญหานี้จะยังมีอยู่จนถึงปี 2018

ที่มา: http://www.gartner.com/newsroom/id/3143521

http://www.forbes.com/sites/peterhigh/2015/10/06/gartner-top-10-strategic-technology-trends-for-2016/




Writer

โดย ไพโรจน์ แสงสุทธิจริตกุล

หัวหน้าแผนกโครงสร้างเทคโนโลยีสารสนเทศ
ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ