จากการคาดการณ์อนาคตของภาคอุตสาหกรรมยุคใหม่ในประเทศอังกฤษ ทั้งในเรื่องของโอกาสและความท้าทาย โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์ ซึ่งบทสรุปของรายงานฉบับนี้กล่าวถึง อนาคตของอุตสาหกรรมใหม่ปี 2050 ระบบการผลิตในประเทศอังกฤษ จะมีความแตกต่างกับปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง องค์กรที่ประสบความสำเร็จมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในด้านผลิตภัณฑ์และระบบการผลิตแบบอัจฉริยะเพื่อเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตรวดเร็วและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและลูกค้าเพิ่มขึ้น
ระบบการผลิตยุคใหม่จะเคลื่อนด้วยระบบ Agile ระบบข้อมูลจะทำการเชื่อมต่อกันแบบ Networks และมีข้อมูลอย่างมากกมายในการวิเคราะห์เพื่อการบริหารการจัดการ (Big Data) ดังนั้นการจัดการด้านบุคลากรและเทคโนโลยีทำให้การส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการจะตอบสนองต่อตลาดอย่างมากมาย
การเพื่มมูลค่าและการจัดการผลิตแหล่งใหม่จะทำการเปลี่ยนการบวนการทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับระบบการผลิต ซึ่งระบบการผลิตแบบใหม่จะขึ้นอยู่กับพึ้นฐานของความรู้ในเทคโนโลยีและความสัมพันธ์กับลูกค้าดังนี้
1. การปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เพื่อตอบสนองลูกค้ามากขึ้น
2. การที่ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลสำหรับผลิตภัณฑ์ง่ายและสะดวก รวดเร็วเช่น คู่มือการใช้งาน ระบบการปฎิบัติงาน การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ
3. สร้างระบบ “ไร้โรงงานแต่ผลิตได้” กำหนดบทบาทด้านผู้นำทางเทคโนโลยี ระบบการผลิตแต่ให้ผู้อื่นผลิตให้เช่น NIKE
4. ระบบการผลิตแบบ Recycle products จะมีมากขึ้น
5. ลูกค้าจะไม่สามารถผูกขาดสินค้าหรือบริการได้แต่เพียงผู้เดียว ความต้องการสินค้าและบริการต้องหลากหลายและสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่ม
ความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีที่แพร่หลายกับเทคโนโลยีในอนาคต
เทคโนโลยีที่แพร่หลาย
1. Information and Communication Technology : ICT
การจัดทำแบบจำลองมีความจำเป็นในด้านการออกแบบจนถึงระบบการผลิตตลอดจนข้อมูลในการจัดการการผลิต
2. Sensors
ระบบ Sensors กับ Network Technology ทำการหลอมรวมกันเช่นระบบการผลิตจะเชื่อมระบบ
Internet ระบบฐานข้อมูลของผลิตภัณฑ์และบริการจะเชื่อมเข้าหาผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น ระบบการ ตรวจสอบสินค้าคงคลังผ่านระบบ Network การลดพลังงานที่ใช้ในสายการผลิต และระบบการ ป้อนข้อมูลเมื่อเกิดปัญหาทางคุณภาพ เป็นต้น
3. Advances functional Materials
จะมีวัสดุใหม่ๆเข้าสู่ตลาดเพื่อตอบสนองสินค้าทางเทคโนโลยี เช่น วัสดุนาโน ส่วนประกอบขนาดเล็ก คาร์บอนนาโน Biomaterials สินค้าแบบอัจฉริยะที่จะทราบสถานะของสินค้าได้
4. เทคโนโลยีชีวภาพ
จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากวัสดุธรรมชาติลดลงและอัตราการเกิดโรคใหม่ๆจะเพิ่มขึ้นอย่าง
รวดเร็ว ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอาหารและยาเพื่มขึ้น รวมถึงอุตสาหกรรมสิ่งทอจะก้าวหน้า
5. Green Technology
แนวโน้มการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในสายการผลิต เช่น การลดพลังงานในการผลิตและการใช้น้ำอย่างมีคุณค่า ส่งผลต่อลูกค้โดยทางอ้อมรวมถึงการลดการใช้สารอันตรายต่อมนุษย์
เทคโนโลยีลำดับถัดไปจากนี้
1. Big data and knowledge based Technology
ระบบอัตโนมัติ รวมถึงข้อมูลภายในองค์กรที่มีขนาดใหญ่ จะทำให้เกิดการเข้าถึงและแสดงถึงความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
2. Internet of things
จะมีผลต่อลูกค้าในเชิงธุรกิจ การจัดการต่อทรัพยากร ข้อมูลจากการผลิตรวมถึงการขนส่ง
ทั้งหมดจะเรียงเป็นภาพระบบอัตโนมัติ
3. Advanced and autonomous robotics
ระบบการผลิตแบบอัตโนมัติขั้นสูงจะถูกพัฒนาขึ้นทดแทนระบบการผลิตในปัจจุบันซึ่ งมีกระบวน
การผลิตแบบซ้ำๆ และผลิตครั้งละมากๆ เช่น ในอุตสาหกรรมอาหารและยาสำเร็จรูป อิเล็กทรอ นิคส์ ระบบการผลิตจะถูกควบคุมด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติผ่านระบบ WIFI
4. การผลิตแบบขึ้นรูปเป็น Layer เช่น 3D Printing
ระบบการผลิตแบบเดิมจะมีความสูญเปล่าอย่างมากและไม่ยึดหยุ่น ในบางชิ้นส่วนของอุปกรณ์ที่
ที่ซับซ้อนจะใช้ชิ้นส่วนที่ได้จาก 3D Printing ทดแทน และออกแบบได้ตรงตามความต้องการของ
ลูกค้าเฉพาะบุคคลได้
5. Cloud Technology
ระบบการผลิตจะใช้ Computerized Manufacturing Execution Systems (MES) มากขึ้น
จะทำการเชื่อมต่อระบบทุกอย่างผ่านระบบการควบคุมและจัดเก็บข้อมูลแบบ Cloud รวมไปถึงการ
จัดการห่วงโซ่อุปทาน การวางแผนการผลิต รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
6. Mobile internet
Smart phones และอุปกรณ์ขนาดเล็ก สามารถทำให้เข้าถึงระบบการผลิต การบริหารสินค้าคงคลัง
ระบบการซ่อมบำรุง ระบบคุณภาพ เป็นต้น การติดต่อสื่อสารจะง่ายขึ้น การพัฒนา Software ทำให้ระบบการบริหารงานส่วนบุคคลทำให้การเข้าถึงและการจัดการข้อมูลรวดเร็วขึ้น
แหล่งที่มา : THE FUTURE OF MANUFACTURING: A NEW ERA OF OPPORTUNITY AND CHALLENGE FOR THE UK