โลกของเราจะเข้าสู่ช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ภายใน 20 ปีข้างหน้า นั่นคือแนวคิด ‘Industry 4.0’ เป็นแนวคิดใหม่ ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมาจากชื่อนโยบายอุตสาหกรรมแห่งชาติของเยอรมันที่ประกาศเมื่อปี ค.ศ. 2013 ซึ่งเปรียบเสมือนการปฏิรูปอุตสาหกรรมครั้งใหม่ล่าสุดที่มีจุดเด่น คือ การพัฒนาเทคโนโลยีสื่อสารกับเครื่องจักรและระบบ ในลักษณะ Industrial Automation เพื่อผลิตสินค้าตามความต้องการของผู้บริโภครายบุคคล แต่ยังรักษาประสิทธิภาพการผลิตที่สูง โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการผลิต ซึ่งหนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้น “หุ่นยนต์”
Bernard Marr ได้เขียนบทความ “จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อหุ่นยนต์มาแทนที่?” ที่ได้กล่าวถึงเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตการทำงานในทั่วทุกมุมโลก แนวโน้มในอนาคตระบบอัจฉริยะจะเข้ามาทำงานแทนคน เป็นยุคที่กำลังเปลี่ยนผ่าน คนจำนวนไม่น้อยอาจตกงาน หรือต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งหากไม่มีการเตรียมรับมือไว้ล่วงหน้า จะเป็นภัยคุกคามในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขณะเดียวกันทั่วโลกมีการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ (Artificial Intelligence: AI) ให้ทันสมัยอยู่ตลอด เราจะเห็นรถยนต์อัตโนมัติไร้คนขับ หรือหุ่นยนต์บริกรตามร้านอาหาร มาสู่หุ่นยนต์ทางการแพทย์ และหุ่นยนต์นักข่าว ในวันนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว บริษัทยักษ์ใหญ่ในจีนอย่าง Foxconn ผู้ผลิต iPhone, Kindle, PlayStation ได้เริ่มนำหุ่นยนต์ใช้ในสายการผลิตแทนแรงงานคนถึง 30,000 ตัวในแต่ละปี เพื่อลดต้นทุนการผลิตลง ทั้งนี้ Terry Gou ซีอีโอของ Foxconn กล่าวในการประชุมประจำปีว่า “พวกเรามีแรงงานคนกว่า 1 ล้านคน ในอนาคตเราจะเพิ่มจำนวนหุ่นยนต์แรงงานเป็น 1 ล้านตัว” นั่นหมายความว่าหุ่นยนต์ 1 ล้านตัวจะเข้ามาทำงานแทนคน!!!
จะเห็นได้ว่าความต้องการในการใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะแทนแรงงานคนมีมากขึ้น เพราะมีความรวดเร็วและแม่นยำกว่า แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ทั้งนี้ สิ่งที่น่ากลัวไม่ได้มีเพียงแค่ความต้องการที่มีมากขึ้นและความสามารถที่หุ่นยนต์ทำงานแทนคนได้เท่านั้น แต่อยู่ที่ความชาญฉลาดของหุ่นยนต์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีวิวัฒนาการพัฒนาตนเอง จนอาจก้าวข้ามเหนือกว่ามนุษย์
เมื่อเร็วๆ นี้ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla และศาสตราจารย์ Stephen Hawking นักวิทยาศาสตร์ผู้โด่งดัง ออกมาพูดถึงความวิตกกังวลของ AI ความฉลาดเทียมที่สร้างขึ้นให้กับสิ่งไม่มีชีวิตอาจกลายเป็นภัยร้าย เทคโนโลยีที่ฉลาดเทียบเท่าหรือเกินมนุษย์จะทำให้ผู้คนต้องตกอยู่ภายใต้การครอบงำ หากมองย้อนกลับภาพยนตร์ยอดฮิตอย่าง “คนเหล็ก” หุ่นยนต์สังหารที่ส่งมาจากอวกาศเพื่อฆ่ามนุษย์ มีการชิงไหวพริบกันระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ ซึ่งหากมันเกิดขึ้นจริง เราคงต้องกังวลกับการถูกล่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์โดยหุ่นยนต์มีชีวิต มันเป็นเรื่องที่สยองไม่น้อยเลย
ขณะนี้ยังไม่ใช่ภัยคุกคามแต่อย่างใด แต่การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เต็มรูปแบบที่ทำให้มีศักยภาพเหนือกว่ามนุษย์ทั้งในด้านสติปัญญาและกายภาพนั้นอันตราย เมื่อไปถึงจุดนั้นแล้ว ปัญญาประดิษฐ์ก็จะพัฒนาตนเองต่อไปด้วยตนเอง ออกแบบตัวเองใหม่ ด้วยอัตราการพัฒนาที่รวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ ผิดกับมนุษย์ที่ค่อยๆ วิวัฒนาการอย่างช้าๆ ถึงวันนั้นเราอาจะต้องมานั่งทบทวนว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่